มันญี่ปุ่น เบนิฮารุกะ(Beni Haruka) ทำไมได้รับความนิยม

มันญี่ปุ่น เบนิฮารุกะ

หากพูดถึงมันหวานญี่ปุ่น มันสายพันธุ์เบนิฮารุกะเป็นสายพันธุ์ที่คนไทยคุ้นเคยกันมากที่สุด เพราะได้รับความนิยมสูงทั้งในญี่ปุ่น ไทยและประเทศอื่น ๆ แล้วทำไมมันญี่ปุ่น เบนิฮารุกะจึงได้รับความนิยม วันนี้เราหาคำตอบมาฝากกันแล้ว

ที่มาของมันญี่ปุ่น เบนิฮารุกะ

มันญี่ปุ่นสายพันธุ์เบนิฮารุกะ (Beni Haruka) ถูกผสมขึ้นจากพ่อพันธุ์ฮารุ โคกาเนะ (Haru Kogane) และแม่พันธุ์คิวชูเบอร์ 121 ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นที่ศูนย์วิจัยการเกษตรที่คิวชูโอกินาว่า ส่วนชื่อ “ฮารุกะ” นั้นมีที่มาจากความหมาย เพราะคำนี้หมายถึง “ห่างหรือระยะที่ห่างออกไป” บอกถึงรูปลักษณ์และรสสัมผัสที่โดดเด่นมากห่างจากมันญี่ปุ่นสายพันธุ์อื่น ๆ นั่นเอง

เบนิฮารุกะเป็นมันที่สีเปลือกค่อนข้างแดง ส่วนเนื้อมีสีขาวออกเหลืองในตอนที่เกี่ยวเกี่ยวใหม่ ๆ แต่ถ้าผึ่งทิ้งไว้หรือนำไปปรุงแล้วสีก็จะเข้มมากขึ้น มันพันธุ์มีรสหวานจัดจนคนชอบทานหวานต้องติดใจ ปัจจุบันนี้หวานที่สุดในบรรดามันหวานญี่ปุ่น โดยหวานได้มากสุดถึง 60 องศาบริกซ์ เนื้อนุ่มละมุน หนึบหนับ มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน 

มันเบนิฮารุกะจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อปี 2010 ในตอนที่ออกจำหน่ายใหม่ ๆ ยังมีมันอีกพันธุ์หนึ่งที่ชื่อว่า เบนิอาสึมะ เป็นแชมป์มันเทศสุดอร่อยในอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น แน่นอนว่าชาวญี่ปุ่นก็ยังให้ความสำคัญกับเบนิอาสึมะอยู่จนกระทั่งไม่กี่ปีต่อมาเบนิฮารุกะก็สามารถล้มแชมป์ได้อย่างสมบูรณ์ ขึ้นแท่นเป็นมันเทศยอดนิยมทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ทั้งนิยมทานและนิยมปลูก มีรีวิวตามอินเทอร์มากมาย มันพันธุ์นี้หากเผาแล้ววางขาย กลิ่นจะหอมมากจนเดินผ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะซื้อมาลองกันเลยทีเดียว

มันญี่ปุ่น เบนิฮารุกะ (Beni Haruka) หาซื้อได้ที่ไหน

มันเบนิฮารุกะถูกนำเข้ามาจำหน่ายครั้งแรกในไทยนานพอสมควรแล้วโดยห้างสรรพสินค้า TOP Supermarket และ Central Festival แต่ปัจจุบันนี้หาซื้อกันได้ง่ายขึ้นตามร้านค้าหรือร้านขายสินค้าทางการเกษตรทั่วไป นอกจากเหนือจากหัวมันแล้วยังมียอดพันธุ์ขายด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากลองปลูกทานเองก็สามารถสั่งซื้อกันได้ แม้ว่าดินและสภาพแวดล้อมจะแตกต่างจากญี่ปุ่น แต่มันญี่ปุ่นเหมาะกับปลูกในพื้นที่ดินร่วนปนทราย ในไทยเองก็มีสภาพดินแบบนี้อยู่หลายพื้นที่ จึงปลูกได้ ได้มันญี่ปุ่นที่คุณภาพดีและทานอร่อยเช่นเดียวกัน สามารถปลูกและรายเป็นรายได้เสริมได้สบายเพราะมันญี่ปุ่นเป็นที่ต้องการของตลาด

นอกเหนือจากเบนิฮารุกะแล้ว ยังมีมันญี่ปุ่นอีกหลายสายพันธุ์ที่อร่อยและได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น Silk-Sweet, Marron Gold, Fuku Murasaki เป็นต้น เพียงแต่ว่ามันแต่ละสายพันธุ์จะหวานมากน้อยไม่เท่ากัน ส่วนเนื้อสัมผัสเองก็แตกต่างกัน โดยจะมีทั้งเนื้อเหนียวหนุบหนับ เนื้อเนียนนุ่ม เนื้อเนียนละเอียดแบบละลายในปาก เป็นต้น ทำให้มันหวานญี่ปุ่นแต่ละสายพันธุ์เหมาะกับเมนูต่างๆ กัน โดยจะมีทั้งเหมาะกับต้มนึ่งเผาเพื่อทานเล่นและปรุงเป็นอาหารคาว/หวาน หากเลือกทานอย่างเหมาะสมก็ได้จะได้มันหวานที่อร่อยตอบโจทย์นั่นเอง